เมื่อตัดสินใจซื้อบ้านได้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของบ้านต้องคิดหนักก็คือระหว่าง ติดวอลเปเปอร์กับทาสีแบบไหนดี วันนี้จะพามาดูข้อดีและข้อเสียของการติดวอลเปเปอร์กับทาสี เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจให้กับว่าที่เจ้าของบ้านคนใหม่
กว่าจะมีบ้าน 1 หลังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการเลือกทำเล โครงสร้างบ้าน ของตกแต่งบ้าน และที่สำคัญปัญหาหลักๆของเจ้าของบ้านก็คือการ ติดวอลเปเปอร์กับทาสีแบบไหนดี นั่นเอง เพราะบางคนยังไม่รู้ถึงข้อดีและข้อเสีย อายุการใช้งาน จึงมักจะเกิดคำถามว่าระหว่างทาสีกับติดวอลเปเปอร์แบบไหนดีกว่ากัน
ทำความรู้จักกับ วอลเปเปอร์
วอลเปเปอร์เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกนิยมกันอย่างมาก สามารถทำงานได้ง่าย เร็ว ไร้กลิ่น แถมยังใช้งบประมาณน้อยที่สุด นอกจากนั้นยังทำให้ห้องสวยงามมีชีวิตชีวา สร้างความหรูหราให้กับผนังห้องตามลายที่เราเลือก สามารถแต่งได้ตามสไตล์ที่เราต้องการ
ข้อดีของวอลเปเปอร์
1. มีหลากหลายรูปแบบ
ด้วยลวดลายที่สวยงามของวอลเปเปอร์ ทำให้ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้านได้ ปัจจุบันวอลเปเปอร์ที่ขายกันทั่วไปก็มีหลายแบบหลายลายให้เลือก จนบางครั้งก็เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
2. ประหยัดงบและเวลา
การติดวอลเปเปอร์ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาทต่อห้อง ยิ่งถ้าหากติดทั้งหลังราคาก็จะถูกลงไปอีก ที่สำคัญเราสามารถทำเองได้โดยไม่จำเป็นต้องจ้างช่าง เพียงใช้วอลเปเปอร์ชนิดที่มีกาวในตัว สามารถติดตั้งง่ายแค่ลอกเทปกาวด้านหลังออก แล้วใช้ผ้าลูบที่วอลเปเปอร์ไปตามผนังก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
3. ปกปิดร่องรอยบนผนัง
หากผนังมีร่องรอยของคราบสกปรก รอยร้าวของปูน วอลเปเปอร์จะเป็นตัวช่วยที่สามารถปกปิดร่องรอยเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
4. ไร้กลิ่นรบกวน
เป็นที่รู้กันดีว่าการทาสีบ้านมักจะมีกลิ่นเฉพาะของสี แต่สำหรับวอลเปเปอร์บางประเภท สามารถติดแล้วเข้ามาอยู่ได้เลยโดยที่ไม่มีกลิ่นรบกวนใดๆ
5. ช่วยดูดซับเสียง
วอลเปเปอร์ได้ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียงและกันเสียงสะท้อนได้เช่นเดียวกับการทาสี เผลอๆอาจจะกันเสียงได้ดีกว่าการทาสีอีกด้วย หมดปัญหาเสียงเล็ดลอดจากภายนอกเข้ามาสร้างความรำคาญได้เลย
ข้อเสียของวอลเปเปอร์
1. ความชื้นและเชื้อรา
ปัญหาของวอลเปเปอร์มักจะอยู่ในช่วงหน้าฝน ความชื้นและเชื้อรามักจะสร้างความเสียหายให้กับบ้าน รวมไปถึงวอลเปเปอร์ด้วย เมื่อความชื้นสะสมในผนังอาจทำให้เกิดเชื้อรา เป็นสาเหตุที่ทำให้วอลเปเปอร์บวม และหลุดลอกออกนั่นเอง
2. อายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น
เวลาเลือกซื้อวอลเปเปอร์ควรคำนึงถึงเกรดด้วย เพราะถ้าเกรดดีก็จะทำให้มีระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน แต่ราคาก็สูงขึ้นด้วย หากวอลเปเปอร์คุณภาพไม่สูงมากนัก อายุการใช้งานก็จะอยู่ได้เพียง 6-8 ปี หลังจากนั้นก็จะเริ่มหลุดลอกออกมา ทำให้ต้องซ่อมแซมใหม่
มาถึงตรงนี้แล้วใครที่ยังคิดไม่ออกว่า ระหว่างติดวอลเปเปอร์กับทาสีจะเลือกแบบไหนดี ถ้าอย่างนั้นดูข้อดีและข้อเสียของการทาสีกันก่อน
การทาสีบ้านเป็นการตกแต่งบ้านทั้งภายในและภายนอก จุดเด่นของการทาสีคือความทนทาน สีสามารถแบ่งได้หลายประเภท เช่น สีทาไม้ สีอะคริลิค ก่อนการทาสีจะต้องเริ่มสำรวจพื้นผิวที่ต้องการจะทาก่อนว่าเป็นประเภทใด แล้วจึงจะเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับประเภทพื้นผิวนั้น
ข้อดีของการทาสี
1. มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
การทาสีบ้านในแต่ละครั้งสามารถอยู่ได้นานถึง 10 ปี เนื่องจากมีขั้นตอนในการทาสีหลายชั้น ทำให้เนื้อสีเข้าปกคลุมผนังได้อย่างเหนียวแน่น ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ
2. เฉดสีโดนใจ
เราสามารถเลือกเฉดสีบ้านได้ตามความต้องการเลย เพราะการทาสีมีข้อดีคือสามารถผสมสีขึ้นมาตามความต้องการของเราได้
3. หายห่วงเรื่องเชื้อรา
จากข้อเสียของวอลเปเปอร์ที่มีผลกับเรื่องเชื้อรา หากใครที่ใช้สีทาบ้านอาจจะไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องปัญหาความชื้นและเชื้อราเลย เพราะการทาสีไม่ต้องใช้กาวที่จะยึดเกาะผนัง ทำให้หมดปัญหาจากความชื้นไปได้
4. คุณสมบัติเฉพาะตัว
ในปัจจุบันสีทาบ้านยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆอีกด้วย เช่น สีทาบ้านเย็น ช่วยให้อากาศในบ้านเย็นลงทำให้ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น สีกันรอย สามารถทำความสะอาดง่าย ทำให้บ้านดูใหม่อยู่เสมอ
ข้อเสียของสีทาบ้าน
1. ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
การใช้สีทาบ้านจะต้องมีค่าอุปกรณ์และค่าช่าง เพราะเป็นวิธีที่ทำได้ยาก อาจจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย
2. เลือกรูปแบบได้น้อย
สีทาบ้านเป็นเพียงการทาสีพื้นๆที่สามารถเลือกเฉดสีได้ แต่ไม่สามารถเลือกลวดลายได้ หากต้องการให้บ้านมีลวดลายอาจจะต้องจ้างช่างเฉพาะทางทำให้มีงบประมาณที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นการติดวอลเปเปอร์หรือการทาสี เจ้าของบ้านควรเลือกให้สอดคล้องกับความต้องการ และวัตถุประสงค์ในการใช้งานด้วย หรือสามารถนำวิธีการของทั้งสองมาผสมผสานกันก็ได้ แล้วปัญหาระหว่างการติดวอลเปเปอร์กับทาสีก็จะหมดไป