พูดถึงเรื่องสายมูนั้น นอกจากจะเรื่องการไปไหว้พระเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแล้วนั้น บางคนก็อาจจะถือในเรื่องของ ทิศที่ควรตั้งหิ้งพระ เพราะมีความเชื่อว่าถ้าไม่จัดวางให้ถูกทิศก็อาจจะทำให้ชีวิตนั้นไม่มีความสุข แต่ถ้าหากวางหิ้งพระ หรือห้องพระในจุดหรือทำเลที่ดีพอนั้น จะกลายเป็นการเสริมดวงในเรื่องความปังเรียกได้อยู่เป็นความเชื่อกันมาอย่างช้านานและสำหรับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธนั้น
ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำและสำคัญเป็นอย่างมากในการทำหรือจัดตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจัดโต๊ะหมู่บูชา หรือแม้แต่การติดตั้งหิ้งพระควรจะหันหน้าไปทางไหน ถือเป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่น่าปวดหัวเลยก็ว่าได้ เพราะบางคนที่มีความเชื่อสุด ๆ นั้นก็จะถือในเรื่องความเป็นสิริมงคลทั้งกับตัวและครอบครัว ทั้งนี้ในบางครั้งก็ไม่ได้สามารถทำได้ตามความเชื่อก็อาจจะทำให้รู้สึกไม่สสบายใจได้เลยทีเดียว
ในเรื่องของการหันทิศของหิ้งพระ หรือว่าพระพุทธรูปบูชานั้น เรียกได้ว่ามีหลายตำราและความเชื่อมากมายเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากมีการอธิบายก็อาจจะทำให้เกิดข้อโต้เภียงกันขึ้นมาได้ ทั้งนี้ทางที่ง่ายที่สุดก็คืออาจจะเป้นการอ้างในเรื่องของความเป็นสิริมงคล เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันให้วุ่นวาย เพราะในเรื่องของความเชื่อนั้น ถ้าทำแล้วสบายก็ถือว่าเป้นสิ่งที่ดี และทำให้รู้สึกสบายใจไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย ทั้งนี้ถ้าหากได้มีการศึกษาแบบลงลึกตามหลักของ ลมฟ้าอากาศ และแสงแดด รวมถึงการวางทิศทางตัวบ้าน จะพบความแยบยลในเรื่องของความเชื่อเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้ลูกหลานที่กำลังจะมีการสร้างบ้านใหม่นั้นสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขนั่นเอง

หลายคนอาจจะเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ปลูกเรือนอย่าปลูกขวางตะวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจกันได้ตามพื้นที่ฐานว่า ในสมัยก่อนเมื่อสร้างบ้านใหม่ จะแนะนำให้ปลูกบ้านหันตัวบ้านแนวยาวไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก เพื่อให้ด้านกว้างของบ้านแผ่ขยายออกรับลมที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ อีกทั้งลดพื้นที่ถูกแดดในช่วงบ่ายเย็นให้มีขนาดพื้นที่น้อยสุด ซึ่งหลายคนไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่นั้นต่างทราบดีอยู่แล้วว่า พระอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกโดยปีหนึ่ง ๆ นั้นแนวโคจรขึ้นลงจะเยื้องมาทางทิศใต้ปีละเก้าเดือน ด้านใต้จึงเป็นอีกด้านหนึ่งที่มีโอกาสรับแดดด้วย
และถ้าหากได้มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมนั้น ความร้อนถือเป้นสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหิ้งพระการเลือกทิศที่ควรตั้งหิ้งพระจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความร้อน เนื่องจากต้องมีการเข้าไปกราบไหว้หรือสวดมนต์ เพื่อให้เกิดความสงบทางใจและความเป็นสิริมงคลนั้น ในการกราบไหว้ควรจะอยู่ในสถานที่หรือสภาพแวดล้อมที่สร้างความสบายได้เป็นอย่างดี ซึ่งห้องพระก็จะมีมุมที่ไม่ควรอย่างห้องที่ได้หันไปทางทิศตะวันตกและด้านที่หันไปทางทิศใต้นั่นเอง ซึ่งจุดนี้จะไปตรงกับกุสโลบายของคนสมัยก่อน ซึ่งจะขอแนะนำการตั้งหิ้งพระ ควรจะตั้งไปในทิศทางใดจึงจะดีกัน
ทิศที่ควรตั้งหิ้งพระ รวมถึงโต๊ะหมู่บูชา ให้พระพุทธรูปหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ทิศเศรษฐี
ถ้าตั้งตามทิศนี้เราจะพบว่า หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชามักจะถูกตั้งหันหลังให้กับทิศตะวันตกและทิศใต้ ขณะที่ผู้ที่กำลังจะไหว้พระซึ่งนั่งหันหน้าเข้าหาหิ้งพระโต๊ะหมู่บูชาซึ่งตำแหน่งที่นั่งจะถูกบังคับให้นั่งอยู่ห่างผนังทั้งด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ที่ผนังอาจยังอมความร้อนและคายออกมา ก่อความไม่สบายเนื้อสบายตัวให้กับผู้ที่นั่งกราบไหว้พระอยู่ทำให้ไม่มีสมาธิ ซึ่งคนสมัยก่อนได้คิดมาไว้เป็นอย่างดี ว่าการวางหิ้งพระในทิศนี้นั้นเป็นตำแหน่งที่เรียกว่าดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งได้มีความเชื่อว่าถ้าหากไปทางทิศอีสานนั้นจะทำให้มีการประกอบอาชีพแล้วจะมีความร่ำรวย อยู่อย่างสุขกายสบายใจ
ทิศที่ควรตั้งหิ้งพระ ให้พระพุทธรูปหันหน้าไปทางทิศตะวันออก-ทิศราชา
ถ้าตั้งหิ้งพระทิศนี้จะหันหลังชนผนังทิศตะวันตก แต่ก็มีโอกาสที่ตั้งประชิดด้านใต้ ซึ่งผู้ที่นั่งไหว้พระก็จะมีโอกาสที่จะได้รับความร้อนที่ถูกคายออกมาจากผนังด้านใต้มากหรือน้อยบ้างแต่ก็ไม่ร้อนเท่ากับทิศตะวันตก ทั้งนี้การวางหิ้งพระทิศนี้จะผูกกับความเชื่อในเรื่องของอำนาจ และการประกอบกิจการใดก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ทิศที่ควรตั้งหิ้งพระ ให้พระพุทธรูปหันหน้าไปทางทิศเหนือ
สำหรับการตั้งหิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่บูชาในด้านนี้ มีโอกาสบ้างที่จะได้รับความร้อนจากผนังด้านทิศตะวันตกมากน้อยตามระยะทางที่ห่างจากผนัง ผู้คนสมัยก่อนเชื่อว่าทิศนี้นั้นจะเป็นทิศที่ไม่รวยไม่จน ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้รุ่งเรืองมากนัก พอมีพอกิน ถ้าลองมองลึกลงไปนั้นจะเห็นว่า ปัจจุบันนั้นผนังบ้านไม่ได้เป็นฝาไม้เช่นกับแต่ก่อน ประกอบกับว่าลักษณะของห้องต่าง ๆ นั้นจะมีการวางติดกันไม่เหมือนกับเรือนบ้านทรงไทยแล้ว
จึงมีทางเลือกในการตั้งหิ้งพระมากยิ่งขึ้น โดยยึดจากเวลาเข้าไปใช้งาน ตำแหน่งของผู้ที่เข้าไปนั่งใช้งานไม่ควรได้รับความร้อนจากผนังมาก่อความไม่สบายเนื้อสบายตัวหากเป็นห้องที่ไม่ติดแอร์ ควรมีอากาศให้ถ่ายเทได้สะดวก แต่ถ้าผนังเป็นฉนวนกันความร้อนและติดเครื่องปรับอากาศประเด็นนี้ก็จะตกไป ส่วนที่เพิ่มเติมมาภายหลังไม่ว่าจะเป็นไม่ตั้งหิ้งพระโต๊ะหมู่หันหลังชนผนังห้องน้ำ ซึ่งไม่ควรตั้งห้องพระ หรือหิ้งพระไปอยู่ใต้บันได หรือห้องอื่นที่อยู่เหนือห้องพระ ซึ่งถ้ามองดี ๆ จะเป็นเรื่องของการได้รับการรบกวนจากเสียง
ทั้งนี้ก็ยังมีเรื่องของศาสตร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่าง หรือถ้าจะให้สรุปแบบคร่าว ๆ ก็จะมีความเชื่อที่คล้าย ๆ กันกับที่กล่าวไปข้างต้นอีกด้วย ถ้าหากถามว่า ทิศที่ควรตั้งหิ้งพระ ก็ลองมาดูตำรานี้กันบ้าง
- หิ้งพระหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เปรียบเหมือนทิศแห่งราชา มีความเชื่อว่า จะเกื้อหนุนเรื่องการงานให้กับเจ้าของบ้านและสมาชิกในบ้าน ทำอะไรก็จะปราศจากอุปสรรค ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง
- หิ้งพระหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เปรียบเหมือนทิศของเศรษฐี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า จะดูดซับความร่ำรวย มั่งคั่ง มาให้เจ้าของบ้าน และสมาชิกในบ้าน ดังนั้นหากประกอบการงาน ทำมาค้าขายใด ๆ ก็จะเจริญร่ำรวย ยิ่ง ๆ ขึ้น
- หิ้งพระหันไปทางทิศเหนือ เปรียบเหมือนเป็นทิศมัชฌิมาปฏิปทา คืออยู่ในระดับปานกลาง ไม่จน ไม่เจ็บ พอเจอแต่ความสุข ความเจริญ
จุดอัปมงคลที่ไม่ควรตั้งหิ้งพระ
เมื่อทราบแล้วว่าสถานที่และทิศที่ควรตั้งหิ้งพระแล้วจะเป็นมงคลแล้วนั้น ก็ควรจะทราบด้วยว่าจุดไหนบ้างที่ไม่ควรตั้งหิ้งพระเพราะอาจจะเป็นจุดที่สร้างความอัปมงคลให้กับบ้าน และมีความเชื่อที่ว่าจะนำพลังงานไม่ดีเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้คนในบ้านพบเจอแต่เรื่องที่ไม่ดี จะมีตำแหน่งไหนบ้างมาดูกัน
- ห้องน้ำ เปรียบเสมือนสถานที่ปลดทุกข์ จึงไม่ควรนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งในบริเวณนี้ ประกอบกับของมงคลตามหลักฮวงจุ้ย ถือว่าเป็นธาตุไฟ ห้องน้ำ เป็นธาตุน้ำ หากอยู่ด้วยกัน จะนำความพินาศมาให้
- เหนือประตู้ แม้ว่าบริเวณนี้จะสูง แต่สาเหตุที่ไม่ควรวางนั้น ตามหลักฮวงจุ้ยจะเชื่อว่าทำให้พลังงานที่ดีนั้น หลุดออกไปทางประตู
- คานบันได้ ไม่ควรนำของเป็นมงคลไปตั้ง เพราะเหมือนเป็นการกดทับสิ่งศักสิทธิ์
- เสาลอย ตามความเชื่อว่า บ่งบอกถึงความไม่มั่นคง และถาวร ซึ่งจุดนี้จึงไม่ควรนำสิ่งศักสิทธิ์ไปตั้ง
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในเรื่องอื่น ๆ ของทิศที่ควรตั้งหิ้งพระ ที่เหมาะสบอีกด้วย
- ตำแหน่งของหิ้งพระ ควรจะหันไปทางทิศเหนือ ผู้คนในสมัยก่อนต่างเชื่อว่าทิศเหนือนั้นเป็นทิศของสวรรค์ ถ้าหากมีการจัดตั้งหิ้งพระ หรือกำลังจะสร้างห้องพระควรจะจัดอยู่ในทิศเหนือของห้องรับแขก หรือทางทิศเหนือของบ้าน ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะสามารถวางพระพุทธรูปหรือสิ่งศักสิทธิ์อื่น ๆ รวมถึงกรอบรูปและยันต์ต่าง ๆ ได้ดี
- หิ้งพระควรหันหน้าไปทางประตู นอกจาเรื่องที่ควรจัดหิ้งพระไปในทิศเหนือแล้วนั้น หิ้งพระและมุมไหว้พระของคุณควรอยู่ใกล้ประตูทางเข้าบ้าน โดยหันหน้าชนกับประตูบ้าน ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วตำแหน่งนี้ถือว่ามีฤกษ์ดีและส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้บ้านได้มากที่สุด และยังมีความเชื่อกันว่าจะช่วยปกปักรักษาคนในบ้านให้มีการแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
- ต้องอยู่สูงและสะอาดสะอ้าน ถ้าหากมีการจัดตั้งหรือบูชาพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านแล้ว ควรจะมีความเคารพและศรัทธาอย่างเต็มที่ด้วย โดยการจะต้องจัดหิ้งพระให้อยู่สูง พร้อมกันนั้นต้องหมั่นมาทำความสะอาดพระพุทธรูปและหิ้งพระอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้อาจจะมีการติดตั้งไฟวอร์มไวท์เพื่อให้มุมหิ้งพระดูสว่างมากยิ่งขึ้น
- สถานที่จัดวางต้องโล่ง กว้าง และเหมาะสม โดยมากจะมีการตั้งอยู่ในบริเวณโถงของบ้านหรือในห้องรับแขกที่มีพื้นที่โล่ง กว้าง เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของบ้านที่ทุกคนจะมารวมตัวกัน พลังงานที่วนเวียนอยู่ตรงนี้เลยต้องสะอาดและมีพลังด้านดีอยู่ค่อนข้างมากพอสมควร จึงไม่ควรตั้งหิ้งพระในมุมอับหรือแอบอยู่ในห้องน้ำ ห้องครัว หรือแม้กระทั่งห้องนอน เพราะเป็นพื้นที่ที่อาจลดพลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาได้
- ไม่ควรวางตำแหน่งหิ้งพระหันหน้าเข้าบ้าน บรรดาสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายนั้นมีพลังอย่างแรงกล้า จึงควรจัดทิศทางการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หันหน้าออกไปเพื่อจะได้ฉายพลังงานด้านดีครอบคลุมพื้นที่บ้านทุกตารางนิ้ว แต่ถ้าหันหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในบ้าน หรือวางแอบอยู่หลังโต๊ะอาหาร โซฟา หรือปลายเตียง พลังงานในบ้านอาจตีกันให้วุ่นวาย
- หิ้งพระควรอยู่จุดศูนย์กลางของบ้าน จุดศูนย์กลางของบ้านจัดเป็นหัวใจสำคัญที่ส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกาย ความมั่งคั่ง และความสุขของผู้อยู่อาศัยภายใต้ชายคานั้น ๆ การตั้งหิ้งพระในจุดศูนย์กลางจึงเป็นการช่วยเพิ่งพลังงานดี ๆ ให้กับครอบครัว
“อ่านบทความอื่นเกี่ยวกับบ้านได้ ที่นี่”